คุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ชอบไปโรงพยาบาลหรือเปล่าคะ?
การจะต้องลากตัวเองออกจากที่นอนทั้งๆ ที่มีโรคภัยไข้เจ็บร้อนกรุ่นอยู่ข้างใน หรือพิษไข้ที่โหมกระพือจนปรอทแทบจะแตกเพื่อถ่อสังขารไปหาหมอที่โรงพยาบาลนั้นก็นับว่าเป็นภารกิจที่ยากแสนยากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าต้องไปเจอกับกระบวนการขั้นตอนอันแสนยืดยาว ทั้งการกรอกและตรวจสอบเอกสาร รอคิวพบแพทย์ รอคิวจ่ายเงิน รอคิวรับยา ฯลฯ บางทีก็อยากจะปล่อยวางทุกอย่าง ทิ้งตัวกลับไปนอนบนเตียงด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าอาการป่วยจะหายไปเองได้
เพราะแบบนี้นี่แหละค่ะ โรงพยาบาลยุคใหม่ก็เลยต้องหยิบเทคโนโลยีมาช่วยเพื่อให้ประสบการณ์การรับการรักษาของคนไข้ดีขึ้น
วงการแพทย์เป็นอีกหนึ่งวงการที่ถูกเทคโนโลยีเข้ามา disrupt ทำให้โรงพยาบาลสมัยใหม่ต้องทำความรู้จักและเข้าใจเทคโนโลยีอย่าง ปัญญาประดิษฐ์ AI, Blockchain, VR, AR, หุ่นยนต์, Big Data เพื่อให้สามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็อาจจะถือเป็นประสบการณ์การรักษาที่สูงขึ้นไปอีกขั้น
แต่…สำหรับผู้ป่วยทั่วๆ ไปอย่างเรา เทคโนโลยีเหล่านั้นอาจจะฟังดูไกลตัว เพราะสิ่งที่เราอยากได้ในตอนนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าอะไรก็ตามที่จะช่วยให้เราใช้เวลาในโรงพยาบาลได้อย่างน่าอภิรมย์กว่าที่ผ่านมา
พบกับ แอปพลิเคชัน Samitivej Plus ของโรงพยาบาลสมิติเวช ค่ะ
แอปนี้จะช่วยแก้ปัญหา pain points หลักๆ ทั้งหมด 4 ข้อ คือ
- ขี้เกียจนัดหมอ
- ขี้เกียจรอคิว
- ลืมประวัติการรักษา-ยาที่ได้รับ
- ลืมหมายเลขฉุกเฉิน
ไปดูทีละข้อกันเลย!
ขี้เกียจนัดหมอ
Samitivej Plus มีฟีเจอร์ “นัดหมายแพทย์” ที่ทำให้เรานัดหมอได้แบบไม่ต้องยกหูโทรศัพท์ให้วุ่นวาย ด้วย 3 เมนูหลักคือ
- สร้างนัดหมายใหม่ เมื่อกดเข้าไปเราจะสามารถเลือกกลุ่มอาการได้อย่างละเอียดถี่ยิบ เราสามารถเลือกวันที่ สาขาของโรงพยาบาล (สุขุมวิท หรือ ศรีนครินทร์) ช่วงเวลา และแพทย์ที่เราอยากพบ รายชื่อแพทย์ที่แสดงผลขึ้นมาก็จะดูจากความชำนาญตามหมวดหมู่อาการที่เราได้เลือกไว้แล้ว และเราสามารถกดดูประวัติของคุณหมอแต่ละคนได้ด้วยนะคะ ดูได้ละเอียดขนาดคุณวุฒิทางการศึกษาและภาษาที่ใช้เลยทีเดียว
- นัดหมายของฉัน ฟีเจอร์นี้จะแสดงนัดหมายที่กำลังจะมาถึงเพื่อที่เราจะได้กลับมาตรวจสอบได้ตลอดค่ะ
- แพทย์คนโปรด ชอบคุณหมอคนไหนก็กดหัวใจเลิฟไว้ได้เลย คราวถัดไปจะได้ระบุชื่อหมอได้ถูกต้อง
ขี้เกียจรอคิว
ขี้เกียจรอคิวจ่ายเงิน ก็ไม่ต้องรอเลยค่ะ เพราะว่าเราสามารถจ่ายเงินผ่านแอปได้เลย ทันทีที่เราเข้ารับการรักษาเสร็จ ยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกส่งมาที่แอป พร้อมให้เรากดจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตได้ทันที ดังนั้นขั้นตอนที่เหลือก็มีแค่รอคิวรับยาแค่นั้นค่ะ
ขี้เกียจรอคิวรับยา หากจะบอกว่าไม่ต้องรอคิวอีกต่อไปแล้วก็คงจะไม่ใช่ แต่ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การรอคิวไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป เพราะเราสามารถเข้าคิวในแอปพลิเคชันได้เลย ในระหว่างที่ยังไม่ถึงคิวเรา ก็ไปเดินเล่น ไปนั่งจิบกาแฟ ไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ใกล้ถึงเวลาก็ค่อยเดินกลับมา แอปก็จะมีการส่งคำแจ้งเตือนมาบอกเราด้วยนะคะว่าใกล้ถึงคิวเราแล้ว
ลืมประวัติการรักษา
ทั้งชีวิตที่ผ่านมาของเรา ประวัติการรักษาเป็นสิ่งที่ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลของโรงพยาบาล และเราไม่สามารถไปหยิบมาใช้ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนการขออันแสนจะยุ่งยากจริงไหมคะ แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ ตอนนี้ข้อมูลการรักษาเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยอย่างเราจะเข้าถึงเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งในแอป Samitivej Plus เราเข้าถึงได้เพียงปลายนิ้วคลิก
การจะเข้าถึงประวัติการรักษาเราจะต้องใส่รหัสผ่านอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลค่ะ รายละเอียดที่เราจะดูได้ก็คือ
- คำวินิจฉัยโรคที่จะถูกสรุปเอาไว้ให้กระชับเข้าใจง่าย
- ใบสั่งยา การหาหมอแต่ละครั้งเราได้รับยาอะไรมาบ้าง มีภาพประกอบ ชื่อยา สรรพคุณยา รายละเอียดการกินยา ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราไปต่างประเทศและจำเป็นต้องใช้ข้อมูลยาที่เราเคยได้รับ
- ผลแล็บ สำหรับการนัดพบครั้งไหนที่ต้องมีการตรวจแล็บ ผลแล็บจะแสดงย้อนหลังสูงสุด 10 รายการภายในเวลา 2 ปี
- ภาพเอกซ์เรย์ เข้าถึงได้ทางแอป ไม่ต้องเก็บไว้เป็นแผ่นใบโตอีกต่อไป
ลืมหมายเลขฉุกเฉิน
ในเหตุการณ์ฉุกเฉินเรามักจะนึกอะไรไม่ออกนอกจาก 191 ซึ่งบางครั้งเราอาจจะได้รับการช่วยเหลือหรือคำแนะนำที่เร็วกว่าถ้าเราโทรหาโรงพยาบาลโดยตรง ภายในแอปพลิเคชันมีฟีเจอร์ “ติดต่อ” สำหรับทั้งกรณีฉุกเฉินและศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า และมีแผนที่สำหรับโรงพยาบาลสมิติเวชสาขาสุขุมวิท และ ศรีนครินทร์ กดปุ๊บก็นำเข้าสู่แอปแผนที่ นำทางเราไปถึงโรงพยาบาลได้เลย
รีวิวการใช้งานแอป Samitivej Plus
จากการได้ทดลองใช้งานจริง ผู้ใช้งานที่มีประวัติการรักษาอยู่กับโรงพยาบาลสมิติเวชอยู่แล้วน่าจะชื่นชอบแอปนี้มากค่ะ ทุกวันนี้เราทำทุกอย่างผ่านโทรศัพท์มือถือดังนั้นการที่เราสามารถนัดแพทย์ได้ทางโทรศัพท์มือถือและจัดการข้อมูลสุขภาพส่วนตัวของเราได้ผ่านแอปๆ เดียวก็จะช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้น ฟีเจอร์ที่ซู่ชิงชอบมากที่สุดก็คือการเก็บข้อมูลการวินิจฉัยและข้อมูลยาที่เราได้รับเอาไว้อย่างละเอียด ทำให้เราสามารถนำไปใช้อ้างอิงต่อได้ในการรักษาครั้งต่อๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลหรือเดินทางไปต่างประเทศ หรือเมื่อเวลาผ่านไปสักพักและเราต้องการกลับมาดูประวัติการรักษาและกินยาที่ผ่านมาในอดีต แอปฯ นี้ถือว่าทำหน้าที่ได้ครบถ้วนเลยค่ะถ้าจะให้ดีเราควรมีแอปฯ แบบนี้สำหรับโรงพยาบาลทุกแห่งเพื่อให้ข้อมูลสุขภาพของเราเป็นของเราอย่างแท้จริงที่เราสามารถเข้าถึงได้ตามความต้องการค่ะ
รู้แบบนี้แล้วก็อย่ารอช้า ใครเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมิติเวชบ่อยๆ ดาวน์โหลดแอปนี้ติดมือถือไว้ได้เลยค่ะ
Sponsored By: Samitivej Hospital